นาซาเตรียมปล่อยกล้องส่องเอเลี่ยนขึ้น สู่อวกาศเดือนธันวาคมปีนี้ 

       มีการเปิดเผยออกมาว่าในขณะนี้ทางนาซ่าได้มีการเตรียมเปิดตัวกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James webb Space Telescope  นาซาเตรียมปล่อยกล้อง โดยจะมีการเปิดเตัวในเดือนธันวาคมนี้  หลังจากที่มีการเลือนเปิดตัวมาหลายปีแล้วแล้วก็มีแพลนใช้สำรวจสัญญาณของเอเลี่ยนหรือสิ่งมีชีวิตนอกโลก  ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะช่วยให้พบสัญญาณได้เร็วสุดภายในทุก 20 ชั่วโมง

         กล้องโทรทรรศน์อวกาศ  James webb  เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ใหญ่ที่สุดและทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาในตอนนี้โดยตัวกล้องมีความยาว 20 เมตร

และมีน้ำหนักที่หนักถึง 2600 กิโลกรัม  โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6.5 เมตร  ด้านในบรรจุกลไก การทำงานที่สำคัญ ซึ่งรวมแล้วมีมากถึง  178 รายการเช่นกล้องถ่ายคลื่นใกล้อินฟราเรด   สเปกโตกราฟไกล้ขึ้นอินฟราเรด   เครื่องมือวัดอินฟราเรดกลางและ เซ็นเซอร์นำทางความละเอียดสูง 

     สำหรับทางด้านมูลค่าของกล้องตอนนี้อยู่ที่ประมาณ หนึ่งหมื่น ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 330000 ล้านบาท  ผลงานการพัฒนากล้อง James webb  นี้เป็นความร่วมมือของ 3 องค์กร  ได้แก่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือนาซาองค์การอวกาศยุโรปและองค์การอวกาศแคนาดา   

สำหรับเป้าหมายในการสร้างเพื่อทดแทนกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวเก่า  Hubble Space Telescope ที่ใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.  1995   เพราะด้วยความก้าวหน้าของ เทคโนโลยีในกล้องตัวใหม่นี้มันจึงเหมาะสมสำหรับการใช้สังเกตวัตถุอันห่างไกลในเอกภพซึ่งไกลเกินกว่าความสามารถของกล้องตัวเดิมจะจับภาพได้

        สำหรับกล้อง James webb นั้นเริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 นับจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีอายุ 25 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสขึ้นสู่อวกาศเสียทีเนื่องจากต้องเลื่อนกำหนดการออกไปเรื่อยๆเพราะยังคงต้องทดสอบและแก้ไขระบบไม่สมบูรณ์   จนล่าสุดก็มีกำหนดการใหม่ก็คือการที่จะปล่อยขึ้นวงโคจรในวันที่ 22 ธันวาคมนี้

ด้วยจรวด Ariane 5 โดยหลังจากปล่อยตัวกล้องจะไปอยู่ในตำแหน่งวงโคจรใกล้เคียงกับจุด  Sun-Earth LaGrange  ซึ่งอยู่ห่างจากโลกเกือบหนึ่งล้านห้าแสนกิโลเมตรและอยู่ห่างจากดวงจันทร์ประมาณ 4 เท่า

         ปัจจุบันนี้มีหลายวิธีที่สามารถระบุได้ว่าดวงใดมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บ้างหรือดาวดวงใดมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร  แต่วิธีการดังกล่าวยังคงค่อนข้างชัดเจน แล้วก็มีตัวแปรมากมายที่ยังคงเป็นแค่การคาดเดานั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่กล้อง James webb ใช้งานได้จริงมันก็จะสามารถเปลี่ยนการศึกษานอกระบบดาวเคราะห์ใหม่และความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกไปอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้

    ดังนั้นเราต้องมาคอยตามลุ้นกันว่าในเดือนธันวาคม ที่จะมีการปล่อยกล้อง James webb ออกนอกโลกในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝาก-ถอน เอง

IPhone รุ่นไหนขายดีสุด

IPhone รุ่นไหนขายดีสุด แน่นอนว่าสิ่งไหนดีย่อมได้รับความนิยม และสิ่งที่ตามมาก็คือยอดขาย จำนวนมากมายมหาศาลเช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้  มันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมือถือรุ่นหนึ่ง ที่บอกได้เลยว่าใครหลายๆคนไม่ได้ยินชื่อ ก็ต้องร้องอ๋อ

เพราะว่ามันเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากแล้ว    และก็เชื่อใจว่าใครหลายคนก็คงจะใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้อยู่เช่นเดียวกัน

ในวันนี้เรานะที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันนั้น  มันเป็นเรื่องราวที่ใกล้ตัวของเรามากๆแต่เชื่อได้เลยว่าใครหลายคนอาจจะใช้โทรศัพท์มือถือ  iPhone

ชื่อนี้หลายคนก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดี  เพราะว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใครหลายๆคนก็อยากจะครอบครอง  แต่ราคาของมันก็สูงพอสมควร  แต่ไม่ว่าราคาจะสูงแค่ไหน  ถามแฟนเขาก็ยังมีความเหนียวแน่นอยู่ดี  เนื่องจากว่า iPhone นั้นเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้งาน  ได้นาน  เมื่อตัดสินใจที่จะซื้อแล้วรับรองได้เลยว่ามันคุ้มค่า  ต่อการที่เราจะลงทุน 

ซึ่งในวันนี้เรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึงมันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ iPhone รุ่นไหนขายดีที่สุดนั่นเอง  สำหรับIPhone รุ่นไหนขายดีที่สุดปี 2007 มาจนถึงทุกวันนี้ Apple iPhone ออกมาแล้วมากมายหลายต่อหลายรุ่น  แล้วคุณทราบไหมว่าในบรรดา iPhone เหล่านั้น  หากเรานับจำนวนเครื่องที่ถูกขายไปรุ่นไหน รุ่นที่ขายดีที่สุด คือคำตอบก็คือ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้มีการเปิดตัวมาแล้ว

ตั้งแต่ปี 2014 และมันก็มียอดขายรวมกันจากทั่วโลก       มีจำนวนมากกว่า 220 ล้านเครื่อง ในขณะที่ iPhone x กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลก ประจำ     ไตรมาส 1 ของปี 2018 ดูยอดขายกว่า 16 ล้านเครื่องทั่วโลก  จำนวนและตัวเลขที่ทางบริษัท มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาจำนวนยอดขาย  ถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว 

อะไรก็ตามนอกจากเรื่องราวที่ว่า iPhone รุ่นไหนขายดีที่สุดมันก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย  มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการต่างๆในแต่ละรุ่นการพัฒนาต่อยอด  มาจนถึงรุ่นในปัจจุบันนี้ถึงไอโฟน 13 แล้วใครหลายๆคนก็ยังคงใช้ iPhone 6 กันอยู่ยังใช้ iPhone x มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร

เพราะว่าอา iPhone รุ่นเก่าๆก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ ถ้าหากว่าทาง Apple ยังไม่ให้หยุดการอัพเดท  เชื่อได้เลยว่าทางผู้บริโภคก็ยังคงจะใช้วันต่อเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณอยากที่จะทำความรู้จักกับ iPhone รุ่นต่างๆนอกจาก 2 รุ่น 3 รุ่นที่เราได้กล่าวไปก็ลองศึกษาค้นหาข้อมูลดู เพราะว่าแต่ละรุ่นมันก็มีความแตกต่างกัน 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  Ufabet เข้าสู่ระบบ

มนุษย์จะโง่ขึ้นถ้ามีเทคโนโลยีดีๆเพิ่มขึ้น

ความรู้สึกนึกคิดของเราไม่สามารถที่จะให้ใครมาคิดแทนเราได้  มนุษย์จะโง่ขึ้น แน่นอนว่าคำนี้เป็นสิ่งที่เราใช้กันมาอย่างช้านาน  ซึ่งมันก็ไม่ได้เกินความจริงเลย  แต่ในปัจจุบันหรือว่าอนาคตอันใกล้นี้  ที่ได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆอย่างหุ่นยนต์และ AI เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง 

แน่นอนว่าความนึกคิดหลายๆอย่างของมนุษย์อาจจะเปลี่ยนแปลงไป  ด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้  ก็เป็นไปได้ซึ่งในวันนี้สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงเราจะมาพูดถึงเรื่องของมนุษย์ที่จะโง่ขึ้น ถ้าหากว่าให้หุ่นยนต์และ AI เข้ามามีบทบาทมากเกินไป

การที่เราได้นำหุ่นยนต์หรือ AI เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือว่ามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา   หรือว่ามีบทบาทในด้านอุตสาหกรรม  สิ่งต่างๆเพิ่มมากยิ่งขึ้นนะ  มันทำให้มนุษย์เราสบายขึ้น  แน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพต่างๆ หรือแม้แต่ความโง่ความฉลาดของมนุษย์  ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะมีผลกระทบเช่นเดียวกัน 

เพื่อเป็นการคิดต่างๆการแก้ไขปัญหาของมนุษย์  ที่ลดน้อยลงเนื่องจากว่ามีหุ่นยนต์หรือว่า AI เป็นตัวคิดแทน  หลายคนอาจจะมองว่ามันย้อนแย้ง ว่ามีเทคโนโลยีสูงสุดแล้ว เราต้องสร้างมันขึ้นมา support เราแต่ทำไมมนุษย์ถึงโง่ขึ้นได้  คำตอบ ก็คือ  อนาคตเมื่อเรามีหุ่นยนต์ทำงานให้  คิดแทนให้เราก็แทบจะไม่ต้องใช้สมองทำอะไรเลย

  เที่ยวเล่นไปวันๆ  และวันใด วันหนึ่ง  เมื่อเราประสบปัญหาและไม่มีหุ่นยนต์หรือ AI มาช่วยเรา  เราจะรู้สึกว่าเราโง่จริงๆ  เพราะที่เหลือทั้งหมดเราจะโทรเรียกมา จัดการแก้ไขปัญหาให้   แน่นอนในอนาคต ถ้าหากว่าเราใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ AI เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง  มันจะทำให้มนุษย์อย่างเราสบายขึ้น  มนุษย์ไม่ต้องคิดอะไรที่มันซับซ้อน

  เพียงแค่บอกหุ่นยนต์สั่งการผ่านระบบเสียงมันก็จะทำให้เราทุกอย่าง  ไม่ว่าเราอยากจะรู้อะไร  หรือว่าอยากจะทำอะไรก็หุ่นยนต์ก็สามารถที่จะทำให้เราได้ทั้งหมด  ดังนั้นและความสะดวกสบาย  ที่ตามมามันก็ทำให้มนุษย์อย่างเราขี้เกียจเพิ่มมากยิ่งขึ้น  ต่อไปนี้มนุษย์ก็ไม่รู้จักกระบวนการ  หรือวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง 

ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าในอนาคตสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆแล้วของเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง  อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีประโยชน์มากมายแค่ไหน  ถ้าหากว่าเราใช้มันยังไม่รู้จักขอบเขต  ไม่รู้จักข้อดีข้อเสียของมันมาใช้งานมันในทางที่ไม่ถูก  มันก็จะเกิดโทษได้เช่นเดียวกัน  แน่นอนว่าสิ่งที่เราพูดไปนั้นมัน  คือ  ผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงข้อเดียวเท่านั้น    ถ้าหากอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ต่อแล้วละ  ก็ลองไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมดู

 

สนับสนุนโดย.  ทางเข้า Ufabet มือถือ

การววิจัยของเชื้อทางพันธุกรรมของโควิด

การววิจัยของเชื้อ นอกจากนี้จากการวิจัยเขาพบว่าปริมาณของสารพันธุกรรมของไวรัสในตัวอย่างที่ตรวจซึ่งแปลผลด้วยค่าCTมันบ่งชี้ว่าตัวอย่างของสายพันธุ์เดลต้ามันมีCTที่ต่ำกว่าเจ้าไวรัสที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมเลยคือปกติแล้วมีคำอธิบายว่าถ้าหากว่ามีค่าCTน้อยก็แปลว่าจะมีเชื้อไวรัสอยู่ค่อนข้างที่จะเยอะ

ซึ่งค่าCTของเดลต้าการคศึกษาอยู่ที่24ในวันแรกที่ตรวจพบไวรัสของผู้ติดเชื้อแต่ว่าสายพันธุ์ดั้งค่าCTมากกว่านี้จะอยู่ที่34.31ข้อมูลนี้ได้เป็นที่มาของหนึ่งพันเท่าเพราว่าโดยทั่วไปแล้วCTที่ห่างกันสามจะหมายถึงการมีrnamต่างกัน10เท่าเพราะฉะนั้นแล้วก็คิดเป็นสัดส่วนที่เขาได้คำนวณออกมา34.31คือของสายพันธุ์ดั้งเดิมลบกับสายพันธ์เดลต้า24ก็จะเท่ากับ10.31

พอได้นำเอาไปคำนวณเป็นสูตรออกมามันจะออกมาที่ตัวเลข1,260เท่า

หมายความว่ามีโอกาสที่จะเพิ่มปริมาณในร่างกงายคนเราได้มากกว่าปกติ1,260เท่าแต่ว่าต้องบอกว่าการศึกษานี้เป็นแค่เพียงการวัดสายพันธุกรรมของไวรัสเท่านั้นไม่ใช่การวัดปริมาณของไวรัสจริงๆในผู้ป่วยโดยตรง

ดังนั้นจากข้อมูลที่เราได้มาก็ทำให้ได้ทราบว่าเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามีโอกาสที่จะแพร่กระจายไปสู่คนอื่นได้ไวกว่าปกติและจากการขยายตัวจากในร่างกายของผู้ติดเชื้อที่มีปริมาณเชื้อมากโดยเฉพาะที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจก็มีโอกาสที่เชื้อจะสามารถแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่นได้ง่ายมายิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้วใครที่มีประวัติความเสี่ยงไปสัมผัสผู้ป่วยเป็นผู้ใกล้ชิดในช่วงเวลาแบบนี้อาจจะต้องไปตรวจหาเชื้อของตัวเองภายใน3-4วันและอาจจะต้องใช้เวลาตรงนี้นแยกกักตัวออกจากผู้สัมผัสใกล้ชิดโดยเฉพาะคนในครอบครัวเพื่อลดความเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่กระจายออกไปได้

ซึ่งในทุกวันนี้ประเทศไทยมีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์หลักๆอยู่ประมาณ3สายพันธุ์มีสายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์อินเดียเดิมสายพันธุ์อัลฟาหรือสายพันธุ์อังกฤษแล้วก็สายพันธุ์เบต้าหรือว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้แต่ละสายพันธุ์จะมีอาการหลังจากติดเชื้อเข้าไปคล้ายๆกันจะมีแตกต่างกันบ้างในบางจุด

เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีวิธีในการสังเกตอาการติดเชื้อแบบง่ายๆอย่างติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าหรือว่าสายพันธุ์อินเดียจะมีอาการที่แสดงออกมาเช่น ปวดหัว เจ็บคอ มีน้ำมูก ไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับรส อาการจะคล้ายกับเป็นหวัดธรรดานี่คือสิ่งที่น่ากลัวและน่าเป็นห่วง

เพราะว่าอาการมันจะคล้ายๆกับไข้หวัดโดยทั่วๆไปทีนี่ถ้าเรารู้สึกว่าคันเนื้อคันตัวไม่สบายตัวคล้ายกับเป็นหวัดให้คุณสังเกตตัวเองแต่ถ้าไม่แน่ใจให้รีบไปพบแพทย์จะดีมากที่สุด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า ยูฟ่าเบท มือถือ

ครบรอบ 10 ปีการเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์  แอปเปิ้ลสร้างภาพยนตร์สั้นแชร์ ความทรงจำ 

     การเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์   เชื่อว่าเราสาวกของ Apple นั้นยังคงไม่ลืมผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลขึ้นมาและเป็น CEO ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วโลกที่สำคัญเขาได้ล่วงลับไปแล้ว

  โดยใช้ผู้นั้นก็คือสตีฟจ๊อบ  นั่นเองอย่างไรก็ตามการเสียชีวิตของสตีฟจ๊อบนั้นผ่านมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีแล้วซึ่งทาง Apple ได้มีการแสดงความรำลึกถึงผู้ล่วงลับนี้ด้วยการจัดทำภาพยนตร์ขึ้นมา 1 เรื่องเป็นภาพยนตร์ขนาดสั้นเพื่อเป็นการร่วมรำลึกถึงการจากไปของ Steve Jobs ครบ 10 ปีบริบูรณ์นั่นเอง

      สำหรับการทำหนังสั้นในครั้งนี้ได้รับความยินยอมจากเท่าครอบครัวของ Steve Jobs เป็นที่เรียบร้อยแล้ว    แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่ลืมผู้ชายคนนี้ซึ่งเป็นบุคคลในตำนานที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ชาวโลกได้ใช้งานกัน

และเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมจนมาถึงปัจจุบันนี้ชายผู้นี้ได้เป็นตัวแทนของการนำนวัตกรรมใหม่ๆเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้กับประชาชนได้ใช้งานและเขาพูดมันก็คือสตีฟจ๊อบหนึ่งใน CEO ที่ส่งคุณภาพของแอปเปิลนั่นเอง

        อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตของสตีฟจ๊อบนั้นเขาเสียชีวิตมานานกว่า 10 ปีแล้วและในครั้งนี้ทาง Apple ก็ได้มีการรำลึกถึงการจากไปของ Steve Jobs จึงได้มีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นมา

โดยมีการเขียนข้อความสั้นๆเพื่อเป็นการแสดงว่ามีการระลึกถึงกิ๊ฟช็อปด้วยการพิมพ์หัวข้อที่ว่า   Celebrating Steve สำหรับภาพยนตร์สั้นที่มีการสร้างขึ้นมานี้จะมีการนำไปโพสต์เอาไว้ที่บริเวณด้านหน้า Landing Page ของ Apple

      โดยเนื้อหาส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ Steve Jobs โดยตรงซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นภาพนิ่งที่มีการฉายสไลด์เหตุการณ์ต่างๆที่สตีฟจ๊อบได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง Apple ขึ้นมาหรือแม้แต่ภาพเหตุการณ์ที่จะไปร่วมการเปิดตัวในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของทาง Apple ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ iPhone

ในแต่ละรุ่นหรือเปิดตัว iPad และ iPod ก็ตามด้วยความยาวของภาพยนต์สั้นนี้มีการกำหนดเอาไว้ว่าจะมีการสร้างความยาวไว้อยู่ที่ประมาณ 2.49 นาที 

        อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้บริษัท Apple ยังคงดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องและยังคงมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งยังเป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีใหม่มาให้กับประชาชนได้มีการใช้งานกันและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆก็มีออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ซึ่งล่าสุด Apple ก็มีการจำหน่าย iPhone 13 โดยปัจจุบันนี้ CEO คนใหม่ที่มีการดูแลบริษัท Apple ก็คือทิม คุกนั่นเอง โดยทางด้านทิม คุกเองก็ออกมาโพสต์เพื่อเป็นการรำลึกถึง อดีตซีอีโอ ผู้ล่วงลับไปแล้ว อย่างสตีฟ จ็อบส์ เช่น เดียวกัน 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากเงิน ออโต้

งานApple Event Unleashed จะมีการเปิดตัว HomePod  mini และ AirPods  3

        งานApple Event Unleashed  ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับบริษัทแอปเปิ้ลที่จะมีการนำสินค้าใหม่มาเปิดตัวหลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น iPhone 13 ออกมา

ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ซื้อกันเป็นอย่างมากจนในขณะนี้จำนวนยอดจองการสั่งซื้อนั้นก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามทางด้านบริษัท Apple ได้มีการประกาศออกมาเกี่ยวกับเรื่องของการจัดงานที่ทาง Apple จะมีการจัดขึ้นโดยชื่องานนั้นมีชื่อว่า Apple Event Unleashed  

           งานนี้ทาง Apple ได้ออกมายืนยันว่าจะมีสินค้าตัวใหม่ของทาง Apple

ที่มีการผลิตล่าสุดออกมาเปิดตัวในงานนี้ด้วย  ซึ่งสินค้าตัวใหม่ที่จะถูกนำมาเปิดตัวนั้นก็คือHomePod  mini และ AirPods  3 ซึ่งสินค้าทั้ง 2 ตัวนี้มีการผลิตเป็นสีใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย

อย่างไรก็ตามการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่นี้ไม่ได้ผิดความคาดหมายของใครหลายๆคนที่เชื่อว่าในงาน Apple Event Unleashed  Apple Store มีการนำสินค้าใหม่ของทางบริษัทออกมาจำหน่ายให้กับลูกค้าอย่างแน่นอนซึ่งตัว AirPods 3rd Gen นั้นเป็นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของบริษัท Apple ที่มีการผลิตหูฟัง 

             ซึ่งหูฟังนี้จะเป็นหูฟังแบบไร้สายโดยนักออกแบบและนักวิจัยของทางบริษัท Apple นั้นได้มีการทำการวิจัยออกมาแล้วว่าการใช้หูฟังไร้สายมีลักษณะของการออกแบบยังไง

ถึงจะเหมาะสมกับผู้ที่ใช้งานมากที่สุดแล้วทำการออกแบบนั้นขึ้นมาซึ่งสิ่งที่ทำให้หูฟังนี้มีรูปแบบใหม่ขึ้นมาเนื่องจากว่าเป็นหูฟังที่มีความแข็งแรงทนทานและสามารถใช้งานได้จริงถึงแม้ว่าหูฟังแบบไร้สายนี้จะทำมาจากพลาสติกแต่พลาสติกที่ถูกนำมาผลิตนั้นก็เป็นพลาสติกที่มีคุณภาพโดยจะเห็นได้จากลักษณะของหูฟังไร้สายนี้จะมีขนาดเล็กมากและเหมาะสำหรับอย่างยิ่งสำหรับใส่ตรงบริเวณก้านหูไม่มีสายห้อยระโยงระยาง  

            ซึ่งหูฟังชนิดนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษ

สำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเนื่องจากว่าปกติแล้วคนออกกำลังกายนั้นจะมีเหงื่อออกมาดังนั้นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับหูฟังไร้สายชนิดนี้ก็คือการติดเชื้อที่สามารถป้องกันน้ำได้นั่นเอง  AirPods 3rd Gen มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง  

          นอกจากนี้หูฟังไร้สายนี้ยังสามารถปรับเสียงได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานเพื่อให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานของแต่ละคนอีกด้วยซึ่งคุณภาพเสียงนั้นก็เป็นคุณภาพเสียงระดับพรีเมี่ยมมีคุณภาพมากๆนอกจากนี้เสียงที่ได้รับนั้น

ยังสามารถรับได้จากทั่วทุกทิศทางโดยทางบริษัท Apple นั้นได้มีการเปิดให้ผู้ที่สนใจใช้AirPods 3rd Genทำการสั่งจองล่วงหน้าเป็นการเปิดขายแบบพรีออเดอร์ซึ่งหลังจากที่มีการจองเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าอีกครั้ง

 

สนับสนุนโดย.  ufabet บาคาร่าออนไลน์

การพัฒนา คอร์เนอร์ ช็อต มาจากเทคโนโลยี

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาบนโลกของเรา  การพัฒนา คอร์เนอร์ ช็อต แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันนี้เรื่องราวของเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว 

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าเทคโนโลยีต่างๆที่เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวันหรือว่านำไปใช้ในด้านอื่นนั้นมันใช้เวลาในการคิดค้น หรือว่าผลิตขึ้นมานานเท่าใด

แต่เราจะบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่าบางเทคโนโลยีนั้น   ก็ได้รับการพัฒนามาจากเทคโนโลยี 

ที่เคยมีอยู่แล้วนำมาต่อยอดให้มันมีความกรุณาเพิ่มมากยิ่งขึ้น  แต่บางทีก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพียงแค่ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นอย่างไรก็ตามในวันนี้เรื่องราวที่เราจะพูดถึงก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

ในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีเราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า  เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษามันเอาไว้อยู่ตลอดเวลา  เพราะถ้าหากว่าเราพลาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแม้แต่นิดเดียวมันอาจจะทำให้เรากลายเป็นคนที่ตกยุค  แล้วก็ตามคนทั้งโลกไม่ทันเลยก็ว่าได้ 

ซึ่งในวันนี้เรื่องราวที่เรากำลังจะกล่าวถึง ก็อย่างที่เราได้พูดไปแล้วข้างต้นว่า  มันเป็นเรื่องราวของเทคโนโลยี  แต่ว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในด้านการทหาร  มันเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ  ที่นำมาใช้ในการป้องกันประเทศ  ภารกิจระดับชาติขนาดนี้การปกป้องประเทศ  ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่นะ 

การที่มีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง  เพื่อใช้ในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นการสำรวจป่า  หรือว่าสอดส่องศัตรูก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน   เทคโนโลยีดังกล่าวมีชื่อว่า คอร์เนอร์ ช็อต นั่นเอง ในการปฏิบัติภาระกิจจู่โจมต่างๆ มักมีจุดบอด  ที่แสนจะน่ากลัวเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าอีกด้านจะมีอะไรอยู่แต่ถ้าพี่ๆทหารถือปืนสำหรับ คอร์เนอร์ ช็อต ยิงตรงมุมตึกแล้วก็คงไม่ต้องใช้สัญญาณวายกันอีกแล้ว

เพราะมันมีกล้องก็แสดงผลหน้าจอให้เห็นกันชัดๆว่า  หลังกำแพงมีอะไรเกิดขึ้นหรือใครอยู่บ้างแต่ความเจ๋งของมันยังไม่หมดแค่นี้  เนื่องจากสามารถปรับตรงไปเลี้ยวซ้ายหรือขวาได้ต้องการส่งตรงข้ามเล่นกับเราก็จะรู้สึก  และสามารถสั่งและควบคุมการเคลื่อนไหวได้  และตรวจสอบความละเอียด การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ได้อย่างแม่นยำ ได้

ซึ่งทุกซอกทุกจุด  ที่ตั้งสนาม สามารถส่งสัญญาณกับแรงงานฐานทัพได้แบบ Real Time ด้วย  เอาเป็นว่าแค่มีเจ้านี้กระบอกเดียว  ก็เอาอยู่ทุกสถานการณ์แล้ว แน่นอนว่าเทคโนโลยี  นอกจากจะนำมาใช้  เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเราแล้ว ในด้านทหารก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอีกตัว  นอกจากนี้ก็ยังมีการนำไปใช้ในด้านการเกษตร  เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์อย่างเรา 

 

สนับสนุนโดย.    Ufabet เข้าสู่ระบบ

การใช้อวัยวะเทียมที่ผสานระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร

ในยุคปัจจุบันนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ผสานระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร  เกิดขึ้นมาบนโลกและนอกโลกของเรา  อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องราวที่เรากำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้  ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว  เพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี  ในยุคปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าหลายประเทศต่างๆทั่วโลก

  สามารถขับเคลื่อนประเทศของตัวเองไปข้างหน้า  ได้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่มีความทันสมัยในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ที่ไหนเรา  ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยี  สำหรับเรื่องราวที่เราจะพูดถึงมันจะเกี่ยวข้องกับอะไรน่าสนใจ  หรือไม่ไปศึกษามันพร้อมกันเลยดีกว่า 

โลกมนุษย์ใบนี้ประกอบไปด้วยทั้งสิ่งมีชีวิต  และสิ่งไม่มีชีวิตต่างๆมากมาย  ซึ่งสิ่งไม่มีชีวิตนั้นก็เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์อย่างเรานี่เอง  มนุษย์มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างไรมา  ด้วยความเฉลียวฉลาดของมนุษย์สามารถคิดค้น  และสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมามากมาย   รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆโดยในวันนี้เรื่องราวที่เรากำลังจะกล่าวถึงเป็นเรื่องราวของเทคโนโลยีสุดล้ำ 

ที่จะเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติไปตลอดกาลเลยก็ได้ในปี 2050 เมื่อพูดถึงปี 2050 มันอาจจะดูไกล  แต่แน่นอนว่าเมื่อปี 2050 มาถึงแล้วเราจะมองว่ามันเป็นระยะเวลาที่เร็วมากๆเลยทีเดียวมาพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว  หลายคนก็คงอยากจะรู้ว่า   เรื่องดาวหรือว่าเทคโนโลยีที่เรากำลังจะพูดถึงมัน คือ อะไรเราไปทำความรู้จักกันเลยดีกว่ากับเรื่องที่มีชื่อว่าการใช้อวัยวะเทียมที่ใช้ระหว่างมนุษย์ 

และเครื่องจักรจะมีความก้าวหน้าเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง  มีความก้าวหน้ามากใน 10 ปีข้างหน้าพวกเขาสามารถให้ทักษะใหม่ๆแก่ผู้คนได้  ในปัจจุบันเราเริ่มเห็นควรใช้ขาเทียม  ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกันแล้ว  ซึ่งในอนาคตอวัยวะเทียมจะยังคงได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้น  

จนไปถึงจุดที่ผู้คนมีความรู้สึกนิยมและเชื่อมั่นที่จะใช้เทคโนโลยี   การประสานอวัยวะเทียมเข้ากับร่างกายเพื่อเป็นอุปกรณ์ตัวเสริมสมรรถนะเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายให้เกินขีดจำกัดของธรรมชาติ  ตัวอย่าง  เช่นผู้คนสามารถเลือกที่จะได้รับการปลูกถ่ายไซเปอร์เนติกส์ ในขา ของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้ขาแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเป็นต้น 

แน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ความสำเร็จและผู้คนไว้วางใจที่จะเชื่อมประสานระหว่างอวัยวะเทียมเข้ากับร่างกายของตัวเอง  และเราก็มันจะเพิ่มทักษะในการใช้ชีวิตของผู้ที่ต้องการอวัยวะเทียมเพิ่มมากยิ่งขึ้น  อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวนี้ยังมีอะไรให้เราได้ศึกษากันอีกมากมาย

สำหรับเรื่องราวที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น  เป็นเพียงส่วนเล็กๆน้อยๆที่อยากจะนำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้กันเท่านั้น  วันนี้ยุคปัจจุบันนี้เทคโนโลยี  เกี่ยวกับวงการแพทย์มันพัฒนาก้าวหน้าไปไกลมากมายแค่ไหนแล้ว  ถ้าหากคุณอยากที่จะศึกษาต่อและเราก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย 

 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet บาคาร่าออนไลน์

เวอร์ชั่นเต็มของ Windows 11 จะถูก Microsoft  ปล่อยให้ใช้งานได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ 

      เวอร์ชั่นเต็มของ Windows 11 มีการเปิดเผยออกมาจากบริษัท Microsoft ซึ่งมีการบอกใบ้ให้กับผู้ที่ใช้งาน Microsoft fix อยู่ในขณะนี้ว่าทางบริษัท Microsoft ได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows ใหม่ล่าสุดออกมาซึ่งเป็นเวอร์ชั่น Windows 11 โดยจะมีการปล่อยให้ผู้ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows สามารถอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดหรือดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดมาใช้งานได้ประมาณวันที่ 20 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2564 นี้    

      เมื่อช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนายนปีพศ 2564 ทางบริษัท Microsoft ซึ่งมีการประกาศเปิดตัวผลงานชิ้นใหม่ของบริษัท Microsoft นั่นก็คือการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ขึ้นมาจากเดิมที่ Microsoft นั้นใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุดคือ Windows 10 แต่ในขณะนี้ได้มีการบอกใบ้ให้กับผู้ใช้งานเป็นนายแล้วว่าเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

เคยทางบริษัทไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาอยู่นี้น่าจะเป็นเวอร์ชั่น 11 แล้วทางบริษัทไมโครซอฟท์จะเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถอัพเดทเวอร์ชั่นของ Windows 11 มาใช้งานได้ช่วงประมาณเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน      

          สำหรับความเชื่อที่หลายคนมีความมั่นใจว่าทางบริษัท Microsoft กำลังมีการพัฒนา Windows 11 ให้สามารถที่จะใช้งานได้ก็เพราะว่ามีข้อความหลุดออกมาซึ่งถูกระบุว่าหลุดมาจากทางวิศวกรของ Microsoft ซึ่งส่งไปยังหัวหน้าฝ่ายของ Windows และดีไว้ด้วยข้อความที่หลุดออกมานั้นพูดเหมือนกับว่าอีกไม่นาน  Windows 11 จะสามารถใช้งานได้แล้วซึ่งเขานั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและเขาอยากให้ถึงเดือนตุลาคมเร็วๆ  

             อย่างไรก็ตามมีการเชื่อกันว่าในเดือนตุลาคมนั้นอาจจะไม่ได้เห็นเพียงแค่การอัพเดท Windows จาก Windows 10 เป็น windows 11 เท่านั้นแต่ทางบริษัทไมโครซอฟท์อาจจะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาประกาศให้กับผู้ใช้งานได้ทดลองใช้งานกันซึ่งหลายคนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ Microsoft ผลิตออกมานั้นน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Surface 

          อย่างไรก็ตามเมื่อเรามีการเข้าไปดูเว็บไซต์ของทางบริษัทไมโครซอฟท์ปรากฏว่าจะมีเมนูหนึ่งที่มีการแนะนำเกี่ยวกับ Windows 11 ขึ้นมาแล้วซึ่งในเว็บไซต์มีการระบุวันที่ที่จะมีการแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน Windows 11 คือวันที่ 20 เดือนตุลาคมปีพศ 2564 นี้นั่นเองซึ่งมันก็ตรงกับข้อความที่มีการหลุดลอกออกมา

จากทางวิศวกรของบริษัทไมโครซอฟท์ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่วันที่ 27 ตุลาคมทางบริษัทไมโครซอฟท์จะมีการปล่อยให้ผู้ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows สามารถอัพเดท Windows 11 มาใช้งานได้แล้ว 

 

    ก่อนหน้านี้ทางบริษัท Microsoft เคยประกาศว่าจะไม่มีการพัฒนา Windows และจะยังคงมีการให้ใช้งานเฉพาะถึง Windows 10 เพียงเท่านั้นแต่เชื่อว่าในขณะนี้บริษัท Microsoft น่าจะมีการเปลี่ยนใจแล้วเนื่องจากว่า Windows 10 นั้นมีการใช้งานมานานหลายปีและเมนูต่างๆก็เก่าแก่จนเกินไปซึ่งควรจะต้องมีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆเวอร์ชั่นใหม่ๆได้แล้ว 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  บาคาร่า sa gaming

Microflier หุ่นยนต์จิ๋ว เล็กกว่ามด 

    Microflier หุ่นยนต์จิ๋ว  ในสภาวะอากาศในปัจจุบัน ที่มีทั้งมลพิษ และเชื้อโรค จะดีมากแค่ไหนถ้าหากว่านักวิทยาศาสตร์จามารถผลิตสิ่งที่จะสามารถตรวจสอบเชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่ในอากาศได้    สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความคิดในสมองของคนเราเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะแนวคิดนี้เป็นความจริงแล้ว เมื่อนักวิจัยในสหรัฐได้พัฒนาหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า  Microflier  

       สำหรับหุ่นยนต์ Microflier นั้นเป็นหุ่นยนต์ขนาดที่เล็กมาก ดูแล้วเล็กยิ่งกว่ามด เสียอีก  และที่สำคัญมันสามารถบินได้ เพื่อไปตรวจสอบเชื้อโรคในอากาศ   และหุ่นยนต์เหล่านี้มันจะสามารถบอกได้ด้วยว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นปลอดภัยหรือไม่   เรียกได้ว่าหุ่นยนต์นี้อัจฉริยะ และเจ๋งมากจริงจริง 

    สำหรับ Microflier  นั้นนับว่าเป็นหุ่นยนต์ที่มมีขนาดเล็กที่สุดในโลก เลยก็ว่าได้  และทีมงานที่ทำการวิจัยและผลิต Microflier  นั้นก็คือ ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นประเทศสหรัฐอเมริกาและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์บินได้ที่เล็กที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา  

สำหรับความต้องการของทีมวิจัยคือ ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์บินติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเพื่อใช้ในการตรวจสอบสภาพอากาศเชื้อโรคในอากาศหรือติดตามการระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆรวมถึงมลภาวะการปนเปื้อนทางสิ่งแวดล้อม

        นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพยายามที่จะพัฒนากองทัพหุ่นยนต์แมลงที่สามารถบินรวมกันเป็นถุงขนาดใหญ่เรียนแบบการบินของแมลงในธรรมชาติโดยขนาดของหุ่นยนต์ Microflier  เทียบเท่ากับ1 ใน 3 ของมดหรือแมลงตัวเล็กๆ ส่วนการออกแบบโครงสร้างนั้นมีลักษณะคล้ายๆกับเมทัลชีทใบพัดของต้นเมเปิ้ลตรงกลางของหุ่นยนต์มีลักษณะเป็นวงกลมติดตั้ง ไมโครชิพวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้านนอกติดตั้งใบพัดขนาด 3 ชิ้นเพื่อช่วยในการหมุนและการทรงตัวกลางอากาศการออกแบบทั้งหมดของหุ่นยนต์เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์โดยอันดับการร่วงหล่นของเมล็ดเมเปิ้ลค่อยๆลงจากที่สูงไปในอากาศ

      สิ่งเหล่านี้ถือว่าสำคัญมากเพราะจะทำให้การบินมีเสถียรภาพและกระจายเป็นวงกว้างสู่พื้นดินด้านล่างเพื่อสำรวจอากาศได้มากยิ่งขึ้นอย่างที่บอกว่าความท้าทายอยู่ที่ขนาดของ หุ่นยนต์ชิ้นเล็กมากๆ  ดังนั้นส่วนประกอบต่างๆที่ต้องทำก็ต้องเล็กลงไปอีก  ไม่ว่าจะเป็นไมโครชิปวงจรอิเล็กทรอนิกส์  เซ็นเซอร์   แบตเตอรี่   ระบบติดต่อสื่อสาร ต้องจิ๋วสุดๆ ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นได้รับความร่วมมือจากห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะการบินของหุ่นยนต์ระหว่างการทดสอบ

     นอกจากนี้ทีมนักวิจัยอย่างพยายามพัฒนาโครงสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาจากสารชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วยแต่จะหักงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ไม่แน่ เราอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์บินได้ขนาดเล็กจำนวนมหาศาลที่สามารถทำภารกิจร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นฝูงได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ทางเข้า sbobet ใหม่ล่าสุด